พฤติกรรมก้าวร้าวในเด็ก ถือเป็นปัญหาต่อเมื่อเกิดบ่อยขึ้นและมีความรุนแรง ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และพัฒนาการตามวัย ซึ่งหากปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม จะกลายเป็นนิสัยติดตัวไปจนโตขึ้นและจะแก้ไขได้ยาก
สาเหตุของปัญหา ความก้าวร้าวในเด็ก
เด็กแต่ละวัยมีการแสดงออกของความก้าวร้าวไม่เหมือนกัน ได้แก่
- วัยทารก จะแสดงออกร้องไห้เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองความต้องการทางร่างกาย เช่น หิว ไม่สบาย หงุดหงิด
- วัยเตาะแตะ จะแสดงความต่อต้านโดยการลงไปนอนดิ้นกับพื้น ทุบตี
- วัยอนุบาล นอกจากการกระทำ จะเริ่มแสดงความก้าวร้าวออกมาทางคำพูด เช่น คำหยาบคาย คำตัดพ้อพ่อแม่ ฯลฯ
ทั้งนี้นอกจากการแสดงออกตามช่วงวัยที่แตกต่างกันแล้ว ความก้าวร้าวในเด็ก อาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ได้แก่
- การเลียนแบบ ครอบครัวที่มีรูปแบบการแก้ปัญหาโดยใช้อารมณ์ในการพูด การกระทำ จะทำให้เด็กเรียนรู้และเรียนแบบพฤติกรรมนั้นมา รวมถึงการเลียนแบบจากบุคคลใกล้ชิด โรงเรียน และสื่อต่างๆ
- เด็กขาดการเรียนรู้ เรื่องการจัดการอารมณ์อย่างเหมาะสม อาจเนื่องด้วยผู้ปกครองไม่มีความรู้ในการสอนหรืออบรมเด็ก
- ปัญหาทางด้านสุขภาพ เช่น ความบกพร่องทางด้านสติปัญญา, การมีโรคประจำตัวหรืออุบัติเหตุทางสมอง ก่อให้เกิดการรับรู้ทางระบบประสาทที่ผิดปกติ, โรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรคสมาธิสั้น เป็นต้น ซึ่งปัญหาทางด้านนี้ ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง
ป้องกันก่อนเกิดพฤติกรรมก้าวร้าว
สิ่งที่ดีที่สุด คือ การเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องแสดงออกอย่างเหมาะสม ใช้คำพูดที่ดี ไม่ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา หรือสอนลูกด้วยการตีอย่างเดียว จากนั้นจึงค่อยๆ สอนให้ลูกรู้จักอารมณ์ต่างๆ เช่น รัก โกรธ เสียใจ และให้เขารับรู้ถึงการควบคุม การแสดงออกอย่างเหมาะสม เช่น หากรู้สึกโกรธ ให้นับ 1-10 เพื่อผ่อนคลายลง สอนให้รู้จักการให้อภัย อาจพาลูกทำกิจกรรมต่างๆ ที่ให้เขาได้ฝึกควบคุมตนเองเสริมด้วย เช่น เล่นกีฬา เลี้ยงสัตว์ ฝึกรับผิดชอบงานบ้าน เป็นต้น และอีกวิธีการหนึ่งคือ การฝึกสมาธิ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เด็กๆ ใจเย็นมากขึ้นค่ะ แต่หากลูกเริ่มเข้าสู่พฤติกรรมก้าวร้าว ก็จำเป็นต้องใช้วิธีจัดการอย่างเหมาะสมเพื่อแก้ไขค่ะ
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
4 วิธี ลดพฤติกรรมก้าวร้าวในเด็ก
หากพ่อแม่ ผู้ปกครอง มีการสังเกตพฤติกรรมของลูกอย่างใกล้ชิด ก็จะทำให้สามารถประเมินได้ว่าลูกของเรานั้นแค่ดื้อหรือเริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ซึ่งหากลูกได้รับการอบรมเลี้ยงดูด้วยวิธีที่ถูกต้องเหมาะสม ก็จะช่วยให้เขาได้เรียนรู้ ซึมซับ และสามารถปรับพฤติกรรมของตนเองให้ดีได้
1. เข้าใจสาเหตุ
ทำความเข้าใจสาเหตุว่าอะไรทำให้เด็กแสดงออกอย่างก้าวร้าว มีเหตุการณ์หรือเหตุผลอะไร และพฤติกรรมนั้นมักเกิดขึ้นตอนไหน เพื่อได้สามารถวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงได้
2. รับฟังอย่างใจเย็น
ให้โอกาสลูกอธิบายถึงเหตุการณ์หรือความรู้สึก โดยรับฟังอย่างใจเย็น เพื่อให้ลูกเปิดใจว่าเพราะอะไรถึงแสดงออกแบบนั้น เมื่อเด็กเริ่มสงบและใจเย็นขึ้นควรชี้แจงเหตุผลให้เขาฟังว่าเพราะอะไรถึงไม่ควรทำเช่นนั้น โดยใช้น้ำเสียงใจเย็นไม่ใส่อารมณ์ หลีกเลี่ยงคำต่อว่าที่ทำให้เกิดปมด้อย เช่น เด็กก้าวร้าว อันธพาล ฯลฯ (อ่าน 5 คำต้องห้าม ที่ไม่ควรพูดกับลูก)
แต่กรณีที่เห็นว่าลูกมีการกระทำรุนแรง เช่น ทำลายข้าวของเสียหาย หรือทำร้ายตัวเองจนเกิดอันตราย พ่อแม่ควรรีบเข้าไปห้ามทันที โดยกอดไว้เพื่อให้ลูกเริ่มคลายอารมณ์ลงก่อน
3. กำหนดกติกา บทลงโทษ
สอนให้ลูกเข้าใจว่าการกระทำแบบไหนที่ผิดหรือไม่ควรทำ เพราะอะไร โดยกำหนดกติกาหรือบทลงโทษระหว่างกัน เช่น เมื่อรู้สึกแย่หรือโมโหต้องบอกแม่ทันที, หากลูกทำลายข้าวของลูกต้องเป็นคนรับผิดชอบเก็บเอง, หากลูกตีคนอื่นจะต้องขอโทษและถูกงดขนม โดยอย่าลืมอธิบายเหตุผลให้เขาเข้าใจว่าเขาทำผิดตรงไหน เพราะอะไร ให้เขาเข้าใจความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น เช่น "หากลูกตีคนอื่นเขาเจ็บและเสียใจ ถ้าลูกโดนตีบ้างคงรู้สึกไม่ต่างกันใช่ไหม?" "หากลูกโมโหทำลายข้าวของ เมื่อมีคนมาทำลายของเล่นหนู หนูจะรู้สึกเสียใจเหมือนกันไหม?" (อ่าน 5 วิธีลงโทษ โดยไม่ต้องตีลูก)
4. ชื่นชมเมื่อเด็กประพฤติตัวดี
เมื่อลูกประพฤติตัวได้ดีแม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็อย่าลืมชื่นชม สร้างกำลังใจ และให้รางวัลตอบแทนบ้าง เพื่อเป็นการตอกย้ำว่าสิ่งที่เขาทำนั้นดีและถูกต้อง อาจไม่จำเป็นต้องทำได้ 100% แม้เขาจะเผลออาละวาดแต่หากสำนึกผิดได้ด้วยตนเอง ก็ควรให้คำชื่นชมและให้กำลังใจถึงความพยายามในการควบคุมอารมณ์ เพื่อกระตุ้นให้เด็กพยายามปรับพฤติกรรมให้ดียิ่งขึ้นในครั้งต่อๆ ไปค่ะ
เด็ก คือ อนาคตของชาติ เป็นวัยที่ควรได้รับการปกป้องดูแล เพื่อเติบโตไปอย่างมีคุณภาพ แต่ในสังคมยังคงมีเด็กมากมายที่กำพร้าและขาดโอกาสทางสังคม การบริจาคเพื่อให้ความช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านี้ จึงมีความสำคัญที่จะช่วยเปลี่ยนชีวิตทั้งในด้านความเป็นอยู่ สุขภาพ และการศึกษา เพื่อช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพต่อสังคม เช่น มูลนิธิศุภนิมิตฯ, มูลนิธิบ้านนกขมิ้น, มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม, มูลนิธิเด็กโสสะฯ
มูลนิธิเด็กโสสะฯ ใส่ใจทุกการเติบโตของเด็กๆ
เพราะเด็กทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมกับ สิทธิเด็ก ที่พึงได้รับ มูลนิธิเด็กโสสะฯ จึงตั่งมั่นในการให้ความช่วยเหลือเด็กไทยที่กำพร้า ไร้ที่พึ่งพิง เพื่อมอบการเลี้ยงดูระยะยาวผ่านครอบครัวทดแทนถาวร ที่มีแม่โสสะคอยมอบความรัก เติบโตร่วมกับพี่น้องภายในบ้านด้วยสายสัมพันธ์อันดี
แน่นอนว่าเด็กๆ ต่างสายเลือด ต่างที่มา ย่อมมีอุปนิสัยและลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนั้นนอกจากความรู้เรื่องการดูแลเด็กแล้ว แม่โสสะจะได้รับการอบรมต่างๆ อาทิ การอบรมเพื่อเสริมพัฒนาการตามวัยให้กับเด็ก, อบรมด้านโภชนาการเด็ก, อบรมด้านสิทธิเด็ก พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก, การอบรมและกิจกรรมด้านสุขภาพจิต โดยมีนักสังคมสงเคราะห์คอยประเมินและดูแลพัฒนาการเด็กทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อการเลี้ยงดูเด็กทุกคนให้เป็นไปในแนวทางที่ดี เติบโตอย่างแข็งแรงและมีคุณภาพต่อไปค่ะ
อ้างอิง
โรงพยาบาลมนารมย์
โรงพยาบาลพญาไท
Starfish Labz