พฤษภาคม 4 2564
5 วิธีลดปัญหาการกลั่นแกล้ง (Bully) ในเด็ก ที่พ่อแม่ควรรู้
การกลั่นแกล้งในเด็ก (Bullying) เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ไม่ควรถูกมองข้าม เพราะนอกจากจะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและพฤติกรรมของเด็กในระยะสั้นแล้ว ยังอาจทิ้งบาดแผลในระยะยาว และเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล ไปจนถึงการคิดทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตายได้เลยค่ะ
คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง รวมถึงคุณครู จึงมีบทบาทสำคัญในการป้องกันปัญหานี้ โดยเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจและส่งเสริมทักษะการรับมือให้กับเด็กๆ ตั้งแต่เนิ่นๆ
1. ทำความเข้าใจว่าการกลั่นแกล้ง (Bully) คืออะไร
![มูลนิธิเด็กโสสะ-ทำความเข้าใจว่าการกลั่นแกล้ง (Bully) คืออะไร]()
ก่อนจะสอนให้ลูกป้องกันตัวเองจากการกลั่นแกล้ง พ่อแม่จำเป็นต้องเข้าใจว่า “การกลั่นแกล้ง” แตกต่างจาก “ความขัดแย้งธรรมดา” อย่างไร
การกลั่นแกล้ง (Bullying) คือการกระทำที่มีเจตนาร้าย ซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง โดยผู้กระทำมีอำนาจเหนือกว่าหรือพยายามควบคุมผู้อื่น ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในหลายรูปแบบ เช่น
-
การกลั่นแกล้งทางร่างกาย เช่น ผลัก ตบตี ชกต่อย ทำลายข้าวของ
-
การกลั่นแกล้งทางวาจา เช่น ด่าทอ ล้อเลียน ข่มขู่ เหยียดรูปร่าง สีผิว เพศ หรือฐานะ
-
การกลั่นแกล้งทางสังคม เช่น การกีดกัน แบ่งพรรคแบ่งพวก ไม่ยอมให้เข้าร่วมกิจกรรม
-
การกลั่นแกล้งทางออนไลน์ (Cyberbullying) เช่น โพสต์ข้อความหยาบคาย ใส่ร้าย แชร์ภาพหรือล้อเลียนผ่านโซเชียลโดยไม่ได้รับอนุญาต
การแยกแยะพฤติกรรมเหล่านี้ออกจากการทะเลาะเบาะแว้งชั่วคราวระหว่างเด็กๆ เป็นจุดเริ่มต้นของการช่วยให้ลูกเข้าใจว่าตนเองกำลังเผชิญกับสถานการณ์แบบใด และจะขอความช่วยเหลือได้อย่างไรค่ะ
2. สังเกตสัญญาณที่อาจบ่งบอกว่าลูกกำลังเผชิญการกลั่นแกล้ง หรือเป็นฝ่ายกลั่นแกล้งผู้อื่น
![มูลนิธิเด็กโสสะ-สังเกตสัญญาณที่สื่อถึงการถูกกลั่นแกล้ง หรือการเป็นผู้กลั่นแกล้งของลูก]()
เด็กหลายคนอาจไม่กล้าเล่าให้พ่อแม่ฟังว่ากำลังถูกกลั่นแกล้ง เพราะกลัวจะโดนตำหนิ หรือคิดว่าไม่มีใครช่วยได้ ดังนั้นผู้ปกครองควรใส่ใจพฤติกรรมของลูกอย่างสม่ำเสมอ
สัญญาณที่อาจบ่งบอกว่าลูกกำลังถูกกลั่นแกล้ง เช่น
-
ไม่อยากไปโรงเรียน กังวลในตอนเช้า
-
กลับจากโรงเรียนมาด้วยอารมณ์เงียบขรึมหรือหงุดหงิด
-
เล่าเรื่องเพื่อนน้อยลง หรือไม่อยากพูดถึงเพื่อนเลย
-
มีรอยฟกช้ำ ข้าวของเสียหาย แต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดจากอะไร
-
พฤติกรรมเปลี่ยนไป เช่น นอนไม่หลับ ซึมเศร้า กินข้าวน้อยลง
ในทางกลับกัน สัญญาณที่อาจบ่งบอกว่าลูกเป็นฝ่ายกลั่นแกล้งผู้อื่น เช่น
-
ขาดความเห็นใจผู้อื่น หัวเราะเวลาเพื่อนเจ็บหรืออับอาย
-
ใช้ถ้อยคำรุนแรง เหยียด ล้อเลียนเพื่อน
-
สนุกกับการควบคุมหรือข่มคนอื่น
-
แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวต่อสัตว์หรือสิ่งของ
หากผู้ปกครองสังเกตพบพฤติกรรมเหล่านี้ ควรรีบเปิดใจพูดคุยกับลูกทันทีอย่างใจเย็น ไม่กล่าวโทษ เพื่อให้ลูกรู้สึกปลอดภัยที่จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นค่ะ
3. พูดคุยกับลูกเรื่องการกลั่นแกล้ง ด้วยความเข้าใจและไม่ตัดสิน
![มูลนิธิเด็กโสสะ-พูดคุยกับลูกเรื่องการกลั่นแกล้ง]()
การสื่อสารอย่างเปิดใจเป็นกุญแจสำคัญค่ะ เพราะเด็กที่รู้สึกว่า “มีคนอยู่ข้างเขา” จะมีแรงใจในการเผชิญปัญหามากขึ้น
วิธีพูดคุยที่ได้ผล
-
ตั้งคำถามแบบเปิด เช่น “วันนี้มีอะไรสนุกๆ ที่โรงเรียนไหม” “เพื่อนๆ เป็นยังไงบ้าง”
-
รับฟังอย่างตั้งใจ โดยไม่รีบให้คำแนะนำหรือสั่งสอน
-
หากลูกกำลังถูกกลั่นแกล้ง ให้ย้ำกับเขาว่า “มันไม่ใช่ความผิดของลูก” และเขามีสิทธิ์ที่จะปลอดภัย
-
สอนให้ลูกรู้จักปฏิเสธหรือเดินออกมาจากสถานการณ์ที่อึดอัด โดยไม่ต้องรู้สึกผิด
-
หากสถานการณ์รุนแรง ควรติดต่อคุณครูหรือโรงเรียนเพื่อร่วมกันหาทางแก้ไข
กรณีที่ลูกเป็นฝ่ายกลั่นแกล้ง
อย่าเพิ่งรีบดุด่าหรือลงโทษ หลีกเลี่ยงการตำหนิ หรือการแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ เพราะเด็กอาจไม่รู้ว่าการกระทำของตนเป็นการทำร้ายผู้อื่น ควรพูดคุยด้วยความเข้าใจ ชวนให้ลูกคิดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น และส่งเสริมให้เขาขอโทษหรือแก้ไขพฤติกรรมอย่างเหมาะสมค่ะ
4. เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก
![มูลนิธิเด็กโสสะ-เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก]()
เด็กเรียนรู้ผ่านการสังเกตพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ชิดที่สุด ดังนั้นพฤติกรรมของพ่อแม่ในชีวิตประจำวันจึงมีผลโดยตรงต่อพฤติกรรมของลูกค่ะ
สิ่งที่พ่อแม่ควรทำเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี
-
แสดงความเคารพต่อผู้อื่น ไม่ใช้ความรุนแรงหรือถ้อยคำหยาบคาย
-
สอนด้วยเหตุผล ไม่ข่มขู่ ตะคอก หรือลงโทษทางร่างกาย
-
ยอมรับความแตกต่าง เช่น สีผิว ศาสนา เพศ หรือรูปร่างของคนอื่น
-
แสดงความเห็นอกเห็นใจ ช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อเห็นคนเดือดร้อน
เมื่อพ่อแม่แสดงออกถึงความเมตตา ความเข้าใจ และความยุติธรรม ลูกก็จะซึมซับและนำไปปรับใช้ในการปฏิบัติต่อเพื่อนๆ ของเขาเช่นกันค่ะ
5. สอนทักษะการเข้าสังคม และการยอมรับความแตกต่างให้กับลูก
![มูลนิธิเด็กโสสะ-สอนให้ลูกรู้จักทักษะการเข้าสังคม]()
การมี “ทักษะทางสังคม” ที่ดี เช่น การสื่อสารอย่างเหมาะสม การฟังผู้อื่น การแก้ปัญหาอย่างสงบ หรือการทำงานร่วมกับผู้อื่น จะช่วยให้ลูกมีเพื่อนที่ดีและสามารถป้องกันปัญหาการกลั่นแกล้งได้
สิ่งที่พ่อแม่สามารถสอนลูกได้ เช่น
-
การเคารพความคิด ความรู้สึก และความเชื่อของผู้อื่น
-
การขอความช่วยเหลืออย่างเหมาะสม เมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย
-
การกล้าที่จะปฏิเสธพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
-
การหัดตั้งขอบเขต (Boundary) ของตนเอง
การฝึกฝนทักษะเหล่านี้จะช่วยให้ลูกสามารถเข้าสังคมได้อย่างมั่นใจ ไม่ตกเป็นเหยื่อ และไม่เป็นผู้กระทำการกลั่นแกล้งผู้อื่นด้วยเช่นกันค่ะ
สรุป
การกลั่นแกล้งในเด็กไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่เป็นปัญหาที่ส่งผลต่ออนาคตของเด็กทุกคน มูลนิธิเด็กโสสะฯ จึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ภายใต้แนวทางของ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child - CRC) ซึ่งระบุว่า “เด็กทุกคนมีสิทธิได้รับการคุ้มครองจากการถูกกระทำรุนแรงหรือถูกละเมิด”
ด้วยการร่วมมือกันของครอบครัว โรงเรียน และสังคม เราจะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย อบอุ่น และส่งเสริมให้เด็กเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง มีความสุข และเคารพสิทธิของกันและกันค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
Mood of the Motherhood
หมอเสาวภา
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข