จังหวะชีวิต และเส้นทางสู่ฝันของ “น้องกิ่ง”

จังหวะชีวิต และเส้นทางสู่ฝันของ “น้องกิ่ง”

นิ้วมือกรีดกราย สองแขนตั้งวงได้ระดับ กับท่ารำที่อ่อนช้อย หรือในบางจังหวะดูกระฉับกระเฉง ตามท่วงทำนองของดนตรี บนศีรษะประดับด้วย เทริด สวมเครื่องลูกปัด ทับทรวง ปีก ผ้านุ่ง หน้าเพลา ผ้าห้อย และอีกหลายอย่างตามแบบฉบับโนรา   ชีวิตของคนเราก็คล้ายกับจังหวะในการแสดง บางครั้งดูเศร้า บางครั้งดูสนุกสนาน มีชีวิตชีวา  แต่ไม่ว่าชีวิตจะอยู่ในช่วงจังหวะใด นอกจากจะก้าวเดินต่อไปตามจังหวะที่โชคชะตานำพาแล้ว ตัวเราเองก็ต้องเข้าใจ และตั้งเข็มทิศสู่ชีวิตที่ดี มีคุณภาพในอนาคตต่อไปให้ได้

“เวลาที่หนูรำโนราและต้องมีการต่อตัว ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะว่าจะได้อยู่ข้างบนยอด  เพราะไม่อย่างนั้นเพื่อนหนูคงขาหักเอา” จากคำบอกเล่าที่ตามมาด้วยเสียงหัวเราะดัง “ฮ่า ฮ่า” ของ “น้องกิ่ง” หนึ่งในสมาชิกกลุ่มกิจกรรมนาฏศิลป์ในหมู่บ้านเด็กโสสะหาดใหญ่ สงขลา ที่มีรูปร่างสมบูรณ์กว่าใครๆ ภายนอกบนใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม เป็นเด็กอารมณ์ดี สนุกสนาน ช่างพูด ช่างเจรจา แต่ภายในกลับอ่อนไหวเมื่อถูกพูดถึงความเป็น “ลูกกำพร้า”


 


มีครั้งหนึ่งเพื่อนที่โรงเรียนล้อหนูว่า ลูกไม่มีพ่อแม่ เด็กกำพร้า หนูโกรธเพื่อนมาก ร้องไห้เลยค่ะ แล้วก็ตอบกลับเพื่อนไปว่า เราก็ไม่ได้เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่นะ ไม่รู้จะด่าเพื่อนอย่างไรให้สาสมกับความอัดอั้นตันใจที่หนูมีอยู่ พอกลับมาถึงบ้านยังร้องไห้อยู่เลยค่ะ จนแม่เห็นเข้า (คุณวรรณา ช่วยนุสนธิ์ แม่โสสะที่เลี้ยงดูน้องกิ่ง) แม่เลยถามเอาความจริง หนูก็เล่าให้แม่ฟัง พอแม่ฟังจบแม่เข้ามากอดหนู แล้วบอกว่านี่ไงแม่ของหนู แม่อธิบายเรื่องราวหลายอย่างถึงความจำเป็นว่า ทำไมหนูถึงได้มาอยู่ที่หมู่บ้านเด็กโสสะ รวมถึงความโชคดีที่หนูได้รับ ความรู้สึกตอนนั้นหนูหายโกรธเพื่อนไปแล้ว แต่กลับรู้สึกว่ามันอบอุ่นจัง ไม่ได้อบอุ่นเพราะว่า เข้าใจในเรื่องที่แม่พูดหรอกนะคะ ทุกวันนี้บางเรื่องที่แม่พูดไปหนูก็ยังไม่เข้าใจก็มี แต่ที่อบอุ่นคืออ้อมกอดของแม่ และความรักที่แม่มีให้หนูต่างหากค่ะ

น้องกิ่งพูดพร้อมรอยยิ้มที่ฉายเต็มใบหน้า

 
หลังจากเลิกเรียนนาฏศิลป์แล้วน้องกิ่งเดินกลับบ้านด้วยความสุขใจ ละอองฝนบางเบาเริ่มโปรยปรายลงมา ส่งกลิ่นชื้นชื่นใจ ชวนให้สูดดมเข้าผ่านโพรงจมูกอย่างน่าหลงใหล
 
“จริงอย่างที่แม่พูดไว้นะคะว่า หนูอาจจะโชคดีกว่าเด็กอีกหลายๆ คนที่ต้องเผชิญชะตากรรมอยู่อย่างลำพังที่ข้างนอก หมู่บ้านเด็กโสสะที่หนูอาศัยอยู่ทั้งปลอดภัยร่มรื่น มีสนามเด็กเล่น มีที่ให้พวกหนูได้วิ่งเล่น ออกกำลังกาย มีสวนยางพาราให้ร่มเงาได้หลบแดด มีผลไม้ตามฤดูกาลอย่างมังคุดให้ได้เก็บกินได้อย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย”

“แม่สวัสดีค่ะ แม่หนูกลับมาแล้ว” เสียงเจื้อยแจ้วของน้องกิ่งบอกแม่ที่กำลังเตรียมอาหารอยู่ในครัว น้องกิ่งเดินเข้าไปพร้อมกับใช้สองมือโอบกอดเอวของแม่ พลางเอี้ยวตัวยิ้มให้จนเห็นฟันขาวจั๊วะ

 “หนูช่วยนะคะ  มาเดี๋ยวหนูหั่นผักให้” น้องกิ่งไม่รอช้า ลงมือหั่นผักอย่างขะมักเขม้น โดยมีน้องชายอีกคนมาเป็นผู้ช่วย
 


น้องกิ่งเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเด็กโสสะ ตั้งแต่ตัวเล็กๆ ยังจำความไม่ได้เลยค่ะ  เขาเป็นเด็กที่มีจิตใจดี ชอบขันอาสาช่วยเหลือผู้อื่น น้องกิ่งช่วยเหลือแม่ได้หลายอย่างมากทั้งช่วยทำอาหาร ดูแลน้องๆ และหลายครั้งที่น้องกิ่งทำให้แม่ประทับใจ อย่างเวลาที่แม่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานบ้าน ดูแลลูกๆ หรือมีความทุกข์ใจ เขาจะรับรู้ได้โดยที่แม่ไม่ต้องเอ่ยปากบอก เขาจะมองๆ แล้ววิ่งเข้าครัวหาน้ำมาให้แม่ดื่ม เข้ามากอด มายิ้มๆ และพูดว่า เรารู้กันนะแม่

 
“หรืออย่างวันแม่เขาก็จะมีการ์ดมาให้  น้องกิ่งเขาไม่ค่อยพูดคำว่า รักแม่หรอกค่ะ เพราะเวลาพูดแล้ว เขาจะร้องไห้” คุณวรรณาเล่าถึงลูกสาวด้วยความรักใคร่ พร้อมมีน้ำใสๆ คลอในตา แสดงให้เห็นถึงสายใยรักที่มีให้ลูกอย่างเต็มเปี่ยมหัวใจ


นอกจากเรื่องของความรักความผูกพันในครอบครัวแล้ว การเดินทางไปตามฝันของเด็กหญิง ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เราได้พูดคุยกัน น้องกิ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มกิจกรรมนาฏศิลป์  และมีความสามารถในการแสดง แต่ความฝันในอนาคตของน้องกิ่งนั้นกลับเป็นอีกอาชีพหนึ่ง “การแสดงเต้นหรือรำหนูก็ชอบนะคะ เพราะว่ามันทำให้เรามีเพื่อน ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และมีความรู้ติดตัว รุ่นพี่หนูที่อยู่ในกลุ่มนาฏศิลป์มีสองคนพอเขาเรียนจบประถมศึกษาปีที่หก เขาจะไปเรียนทางนี้โดยเฉพาะ แต่สำหรับหนูคงไม่ใช่ หนูอยากเป็นช่างถ่ายภาพ อยากถ่ายภาพเก่งๆ เป็นมืออาชีพไปเลยค่ะ หนูว่าเป็นอาชีพที่อิสระ  ได้เห็นผู้คน ได้ไปถ่ายภาพในที่ต่างๆ เพราะภาพถ่ายสามารถเป็นสิ่งบันทึกเตือนใจ หรือเล่าเรื่องราวต่างๆ ได้ แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น แม่เคยพูดว่า ฝันได้แต่ต้องตั้งใจ ฝันมันถึงจะเป็นจริง และหนูจะจำคำที่แม่สอนไว้ เพื่อที่จะไปให้ถึงฝันค่ะ”


การเดินทางในชีวิตของน้องกิ่งนั้น ยังอีกยาวไกลนักกว่าจะถึงฝั่งฝันที่หวังไว้  บางจังหวะอาจมีลง บางจังหวะอาจมีขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจจริงของน้องกิ่ง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนและน้ำใจจากผู้มีจิตเมตตา ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ได้มอบ “โอกาส” ให้น้องกิ่งและลูกโสสะ ได้มีครอบครัว มีความรัก มีการศึกษา และมีโอกาสลงมือสานต่อความฝันให้เป็นจริง และร่วมเป็นหนึ่งในสังคมไทยที่มีคุณภาพต่อไป


 
หมายเหตุ: ชื่อที่ปรากฎในความบทความนี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม อันเป็นไปตามนโยบายด้านสิทธิเด็ก