ต่อเติมแรงใจ

ต่อเติมแรงใจ รักที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ด้วยหัวใจ

“ต่อ”  และ  “เติม”  พี่น้องฝาแฝด ในวัยเพียง 7 ขวบ ที่ไม่มีพ่อแม่ มีแค่ยายที่เลี้ยงดูสองแฝดแต่เพียงผู้เดียวมาตั้งแต่เด็ก จนเมื่อยายเกิดล้มป่วยด้วยโรคประจำตัว ทำให้สองแฝดขาดผู้ให้การดูแล  เพื่อนบ้านพร้อมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือ และได้ส่งต่อกับเติมให้กับครอบครัวโสสะ ณ หมู่บ้านเด็กโสสะภูเก็ต สถานที่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ที่ทั้งสองคนยังคงได้อยู่ และจะเติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กันอย่างอบอุ่น

             เกือบสองปีมาแล้วที่ต่อและเติมมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวโสสะ ในการดูแลของคุณแม่มนฤดี พูดถึงลูกชายฝาแฝดที่เติบใหญ่ในวัย 10 ขวบว่า 


สองแฝดตอนแรกที่รับมาผอมมากเลยนะ ผอมจนคุณแม่ตกใจ ช่วงแรกแม่เลยเน้นเรื่องอาหารให้เขามีน้ำหนักตามเกณฑ์อายุก่อน เพราะสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ

ต่อกับเติมยังได้เล่าถึงความรู้สึกที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวโสสะ “ผมไม่เคยเห็นสนามวิ่งเล่นที่ใหญ่เท่านี้มาก่อนและมีเพื่อนเตะบอลมากขนาดนี้” ต่อกล่าว และเติมยังเสริมอีกว่า “ผมดีใจที่ได้เรียนหนังสือ แม่มนฤดีใจดีกับผมมาก ผมชอบกับข้าวที่แม่ทำให้กิน อร่อยมากครับ”

             แม่มนฤดีเล่าให้ฟังว่าต่อกับเติมถือเป็นพี่โตของบ้านที่ช่วยเหลือแม่ในการดูแลน้อง รับผิดชอบงานบ้านได้ดี แม้ซุกซนบ้าง แต่ทั้งคู่ก็รักความสะอาดและรับผิดชอบตัวเองได้ดี ทั้งเสื้อผ้า การจัดเก็บที่นอน


คนชอบถามแม่ ว่าแฝดนี่เหมือนกันหรือเปล่า ถ้าหน้าตาเขาสองคนเหมือนกันมากๆ บางครั้งคนก็เรียกผิด แต่เอาเข้าจริงก็ต้องบอกเลยว่าสองคนนี้ไม่เหมือนกันเลย เพราะเด็กทุกคนแตกต่างกัน เราก็เรียนรู้ลูกแต่ละคนว่าเป็นยังไง

             ถึงสองฝาแฝดจะมีบุคลิกแตกต่างกัน บางครั้งก็มีถกเถียง คิดเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่สายสัมพันธ์และความหวังดีกลับส่งถึงกันได้และเชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียว “ต่อชอบขัดใจผมให้ผมทำนู่นทำนี่ แล้วก็พูดมากเกินไปในบางครั้ง” เติมพูดถึงพี่ชายฝาแฝด ขณะที่ต่อยืนยันว่าที่เขาต้องทำอย่างนั้น เพราะเติมชอบเถียงเขา เขาแค่อยากให้น้องเป็นเด็กดี “ผมอยากให้เติมได้ดี ได้เรียนหนังสือ ได้งานดีๆทำครับ” เช่นเดียวกับเติมที่พอเอาเข้าจริงพอถามว่าอยากบอกอะไรกับต่อไหม เติมก็ยังคงยืนยันในสิ่งที่ต่อต้องการบอกกับเติม “ผมก็อยากให้ต่อมีความสุขเหมือนกันครับ เราโชคดีมากที่ได้อยู่ที่โสสะ เราไม่ได้มีเพียงกันและกัน แต่เรายังมีพี่น้องในบ้าน มีแม่และมีเพื่อนๆที่หมู่บ้านเด็กโสสะภูเก็ตครับ”


             เรื่องราวของหนึ่งครอบครัวเล็กๆ ยังคงดำเนินต่อไป แม่กำลังจะทำข้าวผัดไส้กรอกให้ทุกคนกินเป็นอาหารเย็น ต่อกับเติมกำลังเสร็จงานปูที่นอน พลและพัฒน์จากบ้านข้างๆก็มายืนยิ้มอยู่หน้าบ้านเรียกต่อเติมไปเตะบอล เพราะยังขาดสองสมาชิกสำคัญของทีมที่ยังไม่เสร็จงานบ้าน และแม่ยังไม่อนุญาตให้ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน ต่อและเติมรีบร้อนขอแม่ว่าจะออกไปเล่น พร้อมกับน้องตั้มวัยเจ็ดขวบ น้องคนรองของบ้าน ที่สองแฝดหมายมั่นไว้ให้เป็นสมาชิกอีกหนึ่งคนในทีมฟุตบอล ถึงแม้ว่าวันนี้ ตั้มจะยังเป็นได้แค่ตัวสำรองอยู่ริมสนามก็ตาม

             เบื้องหน้าที่เราเห็นคือปัจจุบัน ส่วนอนาคตนั้นความฝันก็ฉายเต็มอยู่แล้วในแววตาของต่อกับเติม ต่ออยากเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ เพราะชอบและมีทักษะด้านนี้ชัดเจน ส่วนเติมอยากเป็นนักบิน สมกับเด็กชายนักสำรวจและรักการผจญภัย “อนาคต” เป็นเรื่องที่ใครๆก็เคยคิดฝัน แม้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ในวัยผู้ใหญ่ ก็คงไม่สำคัญเท่ากับที่เราจะได้ฝัน และเมื่อย้อนกลับไปนึกถึงมันแล้วเรามีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มของตัวเอง พร้อมเสียงหัวเราะของพี่น้องและเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกัน ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเรายังไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้เพียงลำพังจนเกินไป

             จะดีแค่ไหน ถ้าเราจะได้ร่วมเป็นอีกส่วนหนึ่งซึ่งต่อเติมความสุขวัยเยาว์ให้กับเด็กๆ ที่ยังต้องการโอกาสการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวที่สองอันอบอุ่นแห่งบ้านโสสะ รวมถึงการศึกษาที่เหมาะสม ความรู้สึกเป็นสุขจากการ “ให้” นั้นคงยิ่งทบทวีคูณ เมื่อในที่สุด เด็กๆ ในวันนี้ เติบโตขึ้น และออกก้าวเดินสู่เส้นทางความฝันจากครั้งวัยเยาว์โดยมีเราเองเป็นหนึ่งในที่มาของรอยยิ้มแรงกำลังใจที่หล่อเลี้ยงอยู่ในวารวันวัยเยาว์อันมีคุณภาพของพวกเขาเหล่านั้นด้วย