คุณสถิตย์ ลูกโสสะหาดใหญ่

คุณสถิตย์ ลูกโสสะหาดใหญ่

ความยากลำบากของชีวิต ไม่ใช่ตัวลิขิตทางฝันของ เบิ้ม – สถิต คะเนสม

เมื่อให้ย้อนความทรงจำในวัยเยาว์  สิ่งที่เขาจำได้ก็คือการดิ้นรนหากินเลี้ยงปากท้อง   


ตรงไหนที่เขาจ้างและผมได้เงินก็ไปหมดครับ ตื่นตั้งแต่ตีสี่ไปเก็บยาง งานก่อสร้างผมก็ทำ อายุแค่ไม่กี่ขวบก็เหนื่อยครับ เด็กในวัยเดียวกันเขาได้วิ่งเล่นสนุกสนาน แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่มีกิน ผมทนหิวได้ แต่น้องสองคนของผมทนไม่ได้ครับ

แม้ชีวิตจะลำบากสักเพียงใด หรือในบางครั้งจะรู้สึกท้อแท้ต่อโชคชะตาชีวิตสักแค่ไหน  เบิ้มก็ไม่เคยท้อถอยเลยสักครั้ง โดยเฉพาะเรื่อง “การเรียน” เพราะหวังว่า นี่แหละคือใบเบิกทางของชีวิตเขาในภายภาคหน้า
“หลังจากเก็บยางเสร็จประมาณเจ็ดโมงเช้า ผมจะต้องไปโรงเรียนด้วยยานพาหนะชั้นดีที่ผมมี นั่นก็คือเท้าทั้งสองข้าง ระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนเดินไปเดินกลับก็ประมาณสิบกิโลเมตร แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของการอยากไปโรงเรียน  โชคดีว่า ผมมาโรงเรียน ครูท่านเมตตา บางวันก็ให้แกงกลับมากิน  และก็เพราะครูนี่เองที่ทำให้ชีวิตผมและน้องได้พบทางสว่างแห่งชีวิต ได้เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเด็กโสสะหาดใหญ่ สงขลา
 
เบิ้มและน้องๆ เข้ามาอยู่ในการดูแลของหมู่บ้านเด็กโสสะเมื่อปี  พ.ศ. 2540 ทั้งสามคนได้รับการดูแลเอาใจใส่ด้วยความรัก ความอบอุ่นจากคุณแม่สุมนทิพย์ หนูเกิด คุณแม่โสสะ  


พอผมเข้าบ้านมาก็เป็นพี่คนโตเลย ช่วงนั้นต้องปรับตัวเองเยอะมากโดยเฉพาะความรู้สึกที่มีคนมาดูแลเรา ในบ้านมีเด็กๆประมาณ 10 คน ผมก็ช่วยแม่เลี้ยงน้องๆ แม่สอนให้พวกเรารู้จักความรับผิดชอบในหน้าที่ ซึ่งมันเป็นสิ่งจำเป็นมาก เราจะมารู้ว่ามันจำเป็นก็ตอนที่เราออกมาจากหมู่บ้านแล้ว ทุกวันนี้เวลาที่มีคนถาม ผมพูดได้เต็มปากและไม่อายใครว่า ผมมาจากหมู่บ้านเด็กโสสะหาดใหญ่ สงขลา ที่นี่ได้ให้อนาคตและครอบครัวกับผมอีกครั้ง ถึงแม้ว่าวันนี้ผมจะไม่ได้อยู่ที่หมู่บ้านเด็กโสสะหาดใหญ่แล้ว แต่พอมีโอกาสหรือในช่วงวันหยุด วันพิเศษต่างๆ ผมก็จะกลับเข้าไปเยี่ยมครอบครัวผมเสมอ


ปัจจุบันเบิ้มจบการศึกษาระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตภูเก็ต และในปี 2554 เขามีธุรกิจเป็นของตัวเอง เกี่ยวกับงานติดตั้งระบบสื่อสาร กล้องวงจรปิด สายใยแก้วนำแสง ทุกอย่างที่เกี่ยวกับระบบไอทีและระบบอินเทอร์เน็ต


น้องเบิ้ม (คนที่1 จากขวา) ร่วมงานแต่งของน้องสาว


ทุกวันนี้ผมสามารถยืนอยู่ในสังคมได้เทียบเท่ากับผู้คนทั่วไป มีอาชีพลี้ยงปากท้อง สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็ด้วยเพราะทุกคนที่ช่วยกันลิขิตขีดเขียนให้กับเด็กยากไร้อย่างผมและน้องๆ ในครอบครัวโสสะ ผมอยากขอบคุณแม่สุมนทิพย์ แม่โสสะที่เลี้ยงผมมา คุณอาพงศักดิ์ ผู้อำนวยการหมู่บ้านฯ คุณน้า คุณอา ที่ให้คำแนะนำสั่งสอนเคี่ยวเข็ญให้ผมได้มีชีวิตที่ดี และที่สำคัญที่สุด คือผู้บริจาคทุกท่าน ที่ได้สละทุนทรัพย์อันเป็นปัจจัยหลักในการหล่อเลี้ยงชีวิตทุกชีวิตในหมู่บ้านเด็กโสสะ หากไม่มีท่าน ชีวิตของเด็กๆ ที่ยากไร้อย่างพวกเราก็คงไม่มีอย่างทุกวันนี้ ผมขอขอบคุณจากหัวใจ และขอทดแทนน้ำใจทุกๆ ท่าน ด้วยการส่งต่อความช่วยเหลืออย่างที่ผมเคยได้รับกลับไปสู่น้องๆ และผู้คนที่ลำบากที่อยู่ในสังคมไทยนี้ครับ ขอบคุณครับ