กุมภาพันธ์ 9 2566
สอนลูกด้วยการตี ดีจริงไหม? วิธีสร้างวินัยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรง
“รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” เป็นสำนวนไทยที่คนไทยคุ้นหูมานาน สื่อถึงแนวคิดที่ว่าการใช้ไม้เรียวช่วยให้ลูกเชื่อฟัง แต่ในโลกปัจจุบัน แนวทางการเลี้ยงลูกได้เปลี่ยนไปมากแล้วค่ะ
จากข้อมูลด้านจิตวิทยาเด็ก การตีลูกไม่ใช่การสร้างวินัยที่ยั่งยืน แต่กลับส่งผลเสียทั้งด้านพฤติกรรมและอารมณ์ในระยะยาว เด็กอาจหยุดพฤติกรรมเพราะความกลัว แต่ไม่ได้เรียนรู้ว่า "ทำไม" สิ่งนั้นจึงไม่ควรทำ นำไปสู่การเลียนแบบความรุนแรง ขาดความมั่นใจ และอาจเกิดปัญหาทางจิตใจ เช่น ความเครียดหรือซึมเศร้าในอนาคต
ผลเสียของการใช้การตีเป็นวิธีสอนลูก
- ลูกหยุดพฤติกรรมเพราะกลัว ไม่ใช่เพราะเข้าใจ
- ส่งผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์และจิตใจ
- เพิ่มแนวโน้มพฤติกรรมก้าวร้าวในอนาคต
- ลดความรู้สึกมั่นคงในครอบครัว
- อาจนำไปสู่โรคซึมเศร้า วิตกกังวล หรือปัญหาความสัมพันธ์
![sosthailand-มูลนิธิเด็กโสสะ-สอนลูกด้วยการตีดีจริงไหม-5วิธีลงโทษโดยไม่ต้องตีลูก]()
5 วิธีลงโทษลูกอย่างสร้างสรรค์ โดยไม่ต้องใช้การตี
มีหลายวิธีที่สามารถทำโทษเพื่อสอนลูกได้โดยไม่ต้องใช้การตีค่ะ แต่ที่สำคัญเลยคือ คุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็น จัดการอารมณ์โกรธของตัวเองให้ได้ก่อน เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีในการอบรมลูกด้วยเหตุผล นอกจากนี้จะช่วยให้มีสติไม่เผลอใช้คำพูดต้องห้ามทำร้ายลูก โดยไม่ตั้งใจอีกด้วยค่ะ
1. ตักเตือนอย่างจริงจังด้วยน้ำเสียงมั่นคง
ใช้เมื่อลูกยังเล็ก พ่อแม่ควรพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่ไม่ดุ เพื่อให้ลูกตระหนักถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น “การแย่งของเล่นจากเพื่อนเป็นสิ่งที่ไม่ดี ถ้าเราถูกแย่ง เราก็จะเสียใจเหมือนกันใช่ไหมลูก”
2. การเข้ามุม (Time-Out)
การเข้ามุม หรือการแยกเด็กออกมาจากสถานการณ์ที่ทำให้เด็กเกิดปัญหาพฤติกรรม ซึ่งเป็นการช่วยให้เด็กอยู่ในพื้นที่สงบ ระงับอารมณ์ หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของตนเอง เป็นการสร้างพื้นที่สงบ ปลอดภัย ให้ลูกได้นิ่งคิดเพียงลำพัง ทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่าถูกต้องหรือไม่ ที่สำคัญคือ
- ห้าม! ปิดประตูหรือขังไว้ในที่แคบหรืออันตราย
- จำเป็นต้องพิจารณาที่อายุของเด็กด้วย โดยให้ระยะเวลาเหมาะสมกับอายุของเด็ก เช่น เด็กอายุ 1 ขวบ ควร time out ไม่เกิน 1 นาที, เด็กอายุ 2 ขวบ ควร time out ไม่เกิน 2 นาที เป็นต้น
- ต้องอธิบายเหตุผลให้ลูกเข้าใจก่อนและหลังทำ Time out ว่าลูกทำผิดเรื่องอะไร
3. กล่าวชมเมื่อทำดี และไม่ตอบสนองส่งเสริมเมื่อลูกทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม
ใช้เพื่อหยุดพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม โดยต้องไม่เป็นอันตรายหรือรบกวนผู้อื่น เช่น เมื่อเด็กร้องไห้อาละวาดอยู่บนพื้นเพราะไม่ได้ดั่งใจ ควรทำเป็นไม่สนใจและปล่อยให้ร้องจนหยุดเอง เมื่อหยุดร้องจึงค่อยเข้าไปพูดคุยเพื่อสอนว่าการทำเช่นนี้ไม่น่ารัก ทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกเสียใจ และต่อไปควรแสดงออกอย่างไรถึงจะเป็นเด็กดี เมื่อลูกทำดีแล้วได้รับคำชื่นชมก็จะอยากทำสิ่งที่ดีมากขึ้น
4. ฝึกให้รับผิดชอบต่อการกระทำ
การฝึกระเบียบวินัยที่ดีคือลูกต้องรู้จักรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ โดยเริ่มต้นจากชีวิตประจำวัน เช่น หากลูกรื้อของเล่นแล้วไม่ยอมเก็บเอง แม่ก็จะเก็บและไม่ให้เล่นแล้วเพราะลูกไม่ดูแล, หากลูกเล่นซนทำบ้านเลอะเทอะ ก็ต้องทำความสะอาดด้วยตัวเอง เป็นต้น
5. งดรางวัลหรือกิจกรรมบางอย่างแบบมีเหตุผล แต่ต้องไม่เป็นอันตรายกับลูก
เป็นการลงโทษเพื่อสร้างเงื่อนไข เช่น หากไม่ทำการบ้านให้เสร็จ จะไม่ให้ออกไปเล่นกับเพื่อน, หากไม่เก็บของเล่นให้เรียบร้อย แม่จะไม่ซื้อตุ๊กตาที่หนูอยากได้ให้ เป็นต้น พร้อมกับสอนลูกด้วยว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้ เพื่อให้ลูกเข้าใจแล้วไม่ทำผิดซ้ำอีก
การลงโทษที่ดี ควรปรับให้เหมาะกับลูกแต่ละวัย
เพราะเด็กแต่ละคนมีพื้นฐานต่างกัน การลงโทษจึงไม่ใช่สูตรสำเร็จ แต่ควรอยู่บนพื้นฐานของเหตุผล ความรัก และความเข้าใจ เมื่อลูกทำดีอย่าลืมแสดงความรักผ่านคำชม การกอด หรือของรางวัลเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว
อ้างอิง
กรมสุขภาพจิต สถาบันราชานุกูล
Parentsone