![มูลนิธิเด็กโสสะ-5 Soft Skill ทักษะจำเป็นของเด็กยุคใหม่ banner]()
นอกจากพัฒนาการตามวัยอย่างเหมาะสมแล้ว การพัฒนาทักษะทั้งด้านความฉลาดทางด้านสติปัญญา หรือ IQ ( Intelligence Quotient) และความฉลาดทางด้านอารมณ์ หรือ EQ (Emotional Quotient) ยังเป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง ควรเตรียมความพร้อมเพื่อช่วยให้ลูกได้เรียนรู้ จดจำ และเติบโตไปอย่างมีคุณภาพ สามารถเข้าสู่โลกของการทำงานที่มีการแข่งขันสูงได้ในอนาคต
ซึ่งแน่นอนว่านอกจากทักษะทางเทคนิคหรือความรู้เฉพาะทาง (Hard Skills) ที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพแล้ว ยังมีทักษะที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ การสื่อสาร สมรรถนะในการทำงาน (Soft Skills) ที่มีความสำคัญกับอนาคต ดังนั้น วันนี้น้องโสสะจะพามารู้จักกับ Soft Skills ทักษะจำเป็นของเด็กยุคใหม่ ที่ควรสอนลูกไว้ตั้งแต่ยังเล็กค่ะ
Soft Skills คืออะไร?
Soft Skills คือ ทักษะที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ อุปนิสัย ความคิด และสังคม (การเข้าใจอารมณ์ตนเองและผู้อื่น) ซึ่งจะมีผลต่อคุณภาพการใช้ชีวิตและสมรรถนะในการทำงาน อาทิ การแก้ไขปัญหา การจัดการเวลา ความเป็นผู้นำ และการทำงานเป็นทีมร่วมกับผู้อื่น
Soft Skills จำเป็นจริงไหม?
ปัจจุบัน ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีส่งผลให้โลกมีอัตราการแข่งขันที่สูงขึ้น ทักษะด้านวิชาชีพอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เด็กๆ ควรมีโอกาสได้พัฒนา เรียนรู้ และฝึกฝน Soft Skill ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ Hard Skills (ทักษะทางเทคนิคและอาชีพ) เพื่อพัฒนาศักยภาพในการประกอบอาชีพให้สูงขึ้น สามารถนำพาตนเองไปสู่ความสำเร็จได้
*รายงานจากสถาบันวิจัย Childrentrends.org ของสหรัฐฯ ทำการศึกษาคนรุ่นใหม่ที่อายุระหว่าง 15-29 ปี เกี่ยวกับการทำงาน พบว่า Soft Skills ที่เกี่ยวกับทัศนคติ ความสม่ำเสมอ ทักษะการเข้าสังคม มีผลต่อการประสบความสำเร็จในการทำงาน มีโอกาสได้รับการจ้างงานมากกว่า
โดยนอกจากด้านการทำงานแล้ว Soft Skills ยังสามารถนำไปปรับใช้ได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ทั้งการฟัง พูด คิดวิเคราะห์ และการเข้าสังคม ช่วยให้ดำเนินชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุขค่ะ
![มูลนิธิเด็กโสสะ-5 Soft Skill ทักษะจำเป็นของเด็กยุคใหม่-infographic]()
5 ข้อ Soft Skills ที่เด็กยุคใหม่ควรมี
1. ทักษะการเข้าสังคม
เด็กๆ จำเป็นต้องเรียนรู้และปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมอย่างสงบสุข เสริมสร้างความสามารถในการทำงานเป็นทีม โดยพ่อแม่สามารถฝึกให้ลูกมี ความฉลาดทางสังคม (Social Quotient - SQ) ได้ โดยสอนให้ลูกเคารพในตัวเองและผู้อื่น รับฟัง เข้าใจและยอมรับความแตกต่างซึ่งกันและกันค่ะ
2. ทักษะการสื่อสาร
การสื่อสารที่ดีและเหมาะสม จะช่วยส่งเสริมให้เรามีศักยภาพในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดีขึ้น คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนให้ลูกเรียนรู้ได้ตั้งแต่ยังเล็ก
- การฝึกจับใจความและเล่าเรื่อง เช่น ฝึกให้ลูกอ่านและเล่าเรื่องราวจากในหนังสือ, นิทาน จัดลำดับความสำคัญเพื่อถ่ายทอดออกมาให้เข้าใจ
- การฝึกสื่อสารโดยใช้ร่างกาย/วาจา เช่น การสบตาผู้พูดขณะรับฟัง การแสดงสีหน้าต่างๆ การเลือกใช้คำพูดที่เหมาะสม
3. ทักษะการจัดการอารมณ์
ในสถานการณ์จริงของการทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวัน เรามักจะเจอเรื่องราวที่ไม่คาดคิด หรือไม่ตรงใจเสมอ การฝึกควบคุมอารมณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกมีความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Quotient - EQ) โดย
- สอนให้ลูกรับรู้และเข้าใจอารมณ์ของตนเอง กล้าที่จะยอมรับและบอกความรู้สึกให้พ่อแม่รู้
- สอนให้รู้จักควบคุมและรับมือกับอารมณ์เชิงลบ เช่น เราทุกคนโกรธและเสียใจได้ แต่ต้องรับมืออย่างเหมาะสม
4. ทักษะการคิดขั้นสูงและความคิดสร้างสรรค์
ฝึกให้ลูกได้เรียนรู้การคิด ตั้งคำถาม เพื่อวิเคราะห์ ทำความเข้าใจ กล้าที่จะเรียนรู้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยฝึกให้ลูกมีทักษะการคิดได้โดย
- ใส่ใจทุกคำถามของลูก ไม่ทำทีท่ารำคาญ หรือเมินเฉย เพราะจะปิดการปิดกั้นความอยากรู้อยากเห็นและการคิดของเด็ก แต่ควรช่วยลูกคิดหาคำตอบ
- ชวนทำกิจกรรมเพิ่มความฉลาดในการริเริ่มสร้างสรรค์ (Creativity Quotient - CQ) เช่น กิจกรรมศิลปะ การเล่นของเล่น พาอ่านหนังสือ/นิทาน
- ฝึกการจัดการเวลา (Time Management) ลำดับความสำคัญ เพื่อการทำสิ่งต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
- ฝึกให้มีทักษะการทำหลายสิ่งพร้อมกัน (Multitasking) เพื่อช่วยให้ทำงานได้รวดเร็ว และมีความคิดอ่านว่องไว
5. การมีทัศนคติเชิงบวก
สร้างความรู้สึกให้ลูกเห็นคุณค่าในตนเอง มีความมั่นใจ เชื่อมั่น กล้าตั้งเป้าหมายเพื่อความสำเร็จ การปลูกฝังให้ลูกมีทัศนคติเชิงบวกจะช่วยให้เขาเติบโตอย่างมีความสุข และสามารถเริ่มต้นคิด ลงมือทำในสิ่งต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ โดยพ่อแม่สามารถปลูกฝังลูกได้ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น
- ใช้การเลี้ยงลูกเชิงบวก พูดคุย แก้ไขปัญหากันด้วยเหตุผล เอ่ยชมความพยายามของลูกเสมอ
- เป็นตัวอย่างที่ดี ใช้คำพูดที่ดีกับลูกและคนอื่น
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว ใส่ใจ รับฟัง และหาเวลาทำกิจกรรมร่วมกัน
สิ่งเหล่านี้จะช่วยสอนให้ลูกมี ความฉลาดในการแก้ไขปัญหา (Adversity Quotient -AQ) อีกด้วย เพราะลูกจะต้องเรียนรู้เพื่อยอมรับปัญหา และพัฒนาความคิดให้มีความยืดหยุ่นพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
![มูลนิธิเด็กโสสะ-หมู่บ้านเด็กโสสะหาดใหญ่ อบรม self esteem]()
เติบโตด้วยความรัก ก้าวสู่โลกการทำงานอย่างมีคุณภาพ
มูลนิธิเด็กโสสะฯ ให้การดูแลเด็กที่สูญเสียพ่อแม่ ไร้ที่พึ่งพิง เพื่อเข้าสู่การดูแลของครอบครัวโสสะ โดยเด็กทุกคนจะได้รับความรัก การเลี้ยงดูอย่างปลอดภัย มั่นคง รวมถึงการส่งเสริมการศึกษาและทักษะทางวิชาชีพให้กับเด็กและเยาวชน ซึ่งไม่เพียงแค่การส่งเสริมทักษะอาชีพ (Hard Skills) แต่เด็กทุกคนจะได้รับการสอนและปลูกฝังเพื่อสร้าง Soft Skills ทั้ง 5 ข้อดังที่กล่าวมาเบื้องต้น เพื่อเติบโตก้าวสู่โลกของการทำงานในยุคที่มีการแข่งขันสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถพึ่งพาตนเองได้ในสังคม และประสบความสำเร็จในชีวิต
ทั้งนี้ การที่เด็กๆ สามารถประสบความสำเร็จ เป็นบุคลากรที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสังคมไทย หรือนำพาสังคมให้มีคุณภาพได้นั้น เกิดขึ้นจากโอกาสและการสนับสนุนทุนทรัพย์ที่ผู้บริจาคได้มอบให้ เสมอมาค่ะ
อ้างอิง
starfishlabz
speakuplanguagecenter